ฮิโนกิแลนด์ สถานที่ท่องเที่ยวกลิ่นอายญี่ปุ่นในไทย

ฮิโนกิแลนด์

ฮิโนกิแลนด์ (Hinoki land) ชวนเที่ยวญี่ปุ่นแบบบินไปแค่ไชยปราการจังหวัดเชียงใหม่

ฮิโนกิแลนด์ เชื่อว่าหลายคนคงจะคิดถึงประเทศญี่ปุ่นกันไม่มากก็น้อย จะบินไปญี่ปุ่นก็ไม่ได้ เพราะสถานการณ์โควิด 19 เริ่มจะกลับมาเฟส 3 แล้วในประเทศไทยบ้านเรา ทำให้ไม่สามารถบินออกไปเที่ยวนอกประเทศได้ จึงทำให้วันนี้เราจะมาแนะนำ สถานที่เที่ยวเช็กอินอีกหนึ่งแห่งในเชียงใหม่ ที่ถูกจำลองบรรยากาศ กลิ่นอายความเป็นญี่ปุ่นมาไว้ที่นี่ อาณาจักรไม้ฮิโนกิแห่งแรก และแห่งเดียวในประเทศไทย

เป็นสถานที่ท่องเที่ยวชมวัฒนธรรมของญี่ปุ่น ที่ยกอาณาจักรฮิโนกิแลนด์เมืองญี่ปุ่นจำลองมาไว้ที่นี่ อ.ไชยปราการ จ.เชียงใหม่ ได้กลิ่นอายความเป็นญี่ปุ่นสุด ๆ และรับประกันได้ว่าชุดที่ให้เช่าผ่านการซัก อบฆ่าเชื้อทุกครั้ง การันตีไม่มีการนำชุดมาวนใช้ซ้ำแน่นอน หากจะให้บินไปเที่ยวบ่อย ๆ ก็เกรงว่าเงินในกระเป๋าจะแฟ๊บ จึงทำให้จังหวัดเชียงใหม่นี่แหละ ที่สามารถท่องเที่ยวได้แบบสบายกระเป๋า และเหมือนได้บินไปญี่ปุ่นจริง ๆ

ฮิโนกิแลนด์เป็นสถานที่ท่องเที่ยว อีกแห่งหนึ่งของเมืองเชียงใหม่ที่มีความสวยงาม โดดเด่นและมีเอกลักษณ์ คือเสาไม้สีแดงขนาดใหญ่เรียงรายเกือบร้อยคู่ โดยมีฉากหลังเป็นทิวเขาสีเขียวลดหลั่นกันสวยงาม โอบล้อมด้วยลำน้ำฝาง และพื้นที่เกษตรกรรมของชาวบ้าน ที่นี่ถือเป็น อาณาจักรไม้หอมฮิโนกิ แห่งแรกและแห่งเดียวในประเทศไทย ซึ่งหากใครไม่ทราบก็อาจคิดว่าอยู่ที่ญี่ปุ่นจริง ๆ

ประวัติความเป็นมา

เนื่องจากเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่อลังการ ตระการตาแปลกใหม่ และไม่เหมือนใคร เราจะพาไปชมอาณาจักร ฮิโนกิแลนด์ ตั้งอยู่บนเนื้อที่ 83 ไร่ มูลค่ากว่า 1,200 ล้านบาท ณ. อำเภอไชยปราการ จังหวัดเชียงใหม่ อำเภอไชยปราการจัดตั้งเป็นกิ่งอำเภอเมื่อปี พ.ศ. 2531 โดยแยกออกจากอำเภอฝาง อำเภอไชยปราการถือเป็นอำเภอ ที่เป็นดินแดนที่ถูกรังสรรค์ขึ้น ด้วยความตั้งใจที่ไม่ใช่เพียงเป็นสถานที่ท่องเที่ยว ที่ให้คนมาถ่ายรูปและซึมซับบรรยากาศเท่านั้น ทว่าเจ้าของต้องการรวบรวมมรดกทางศิลปวัฒนธรรม และสถาปัตยกรรมของญี่ปุ่น นำความเชื่อและความศักดิ์สิทธิ์แบบญี่ปุ่น มาให้คนไทยได้สัมผัส และสักการะในบรรยากาศที่สวยงามแบบญี่ปุ่นแท้ ๆ เต็มไปด้วยความบบริสุทธิ์ และความงดงามของธรรมชาตินับเป็นเมืองเศรษฐกิจ ที่ค่อนข้างมีผลิตผลทางด้านการเกษตรหลากหลาย อาทิเช่น กระเทียม ลิ้นจี่ เป็นต้น และฮิโนกิแลนด์ได้ตั้งอยู่บนพื้นที่ ที่ล้อมรอบไปด้วยภูเขาและวิวอันสวยงาม ท่ามกลางธรรมชาติ สวยขนาดไหนต้องไปเที่ยวกันสักครั้งให้ได้นะคะ

ฮิโนกิแลนด์ ประกอบด้วยสิ่งปลูกสร้าง 6 หลัง สิ่งแรกที่จะพบเมื่อก้าวเข้าไปในฮิโนกิแลนด์คือ เสาโทริอิแบบเรียวบุ ที่จำลองมาจากเสาโทริอิกลางน้ำประตูใหญ่ แห่งศาลเจ้าอิทสึคุชิมะ เมื่อเข้ามาถึงด้านหน้าโครงการ จะพบซุ้มประตูโคมแดงขนาดใหญ่ เขียนตัวอักษรภาษาญี่ปุ่นมีความหมายว่า “โชคดี” ที่ได้จำลองมาจากซุ้มประตูคามินาริมงหรือฟุไรจิน-มง จากวัดอาซากุสะ ซึ่งใต้โคมแดงนั้นมีประติมากรรมมังกรแกะสลัก ซุ้มประตูแห่งนี้เป็น ซุ้มประตูมงคล เชื่อว่าเมื่อเดินผ่านใต้โคมแดงไปแล้ว จะสร้างความเป็นสิริมงคล

ผ่านจากซุ้มประตูจะพบอุโมงค์เสาโทริอิ (Torii Gate) จำลองมาจากเสาโทริอิศาลเจ้าฟูชิมิอินาริ (Fushimi Inari Taisha) หรืออีกชื่อหนึ่งว่าศาลเจ้าจิ้งจอก เป็นศาลเจ้าที่มีชื่อเสียงโด่งดังของเกียวโต จำนวน 88 คู่ตามหลักเลขมงคล ทอดยาวเรียงรายไปจนถึงตัวปราสาทฮิโนกิ และเมื่อเดินสุดอุโมงค์จะได้พบกับเสาโทริอิต้นใหญ่ที่สุดด้านหน้าปราสาทฮิโนกิ ซึ่งเป็นปราสาทตามแบบดั้งเดิมของโชกุน โดยบันไดทางขึ้นปราสาทนั้นมีทั้งหมดรวม 24 ขั้น

ปราสาทฮิโนกิมีทั้งหมด 4 ชั้น สร้างขึ้นจากไม้สนฮิโนกิซึ่งได้ชื่อว่าเป็นไม้สนชั้นสูงและเป็นไม้ศักดิ์สิทธิ์ของญี่ปุ่น ปราสาทฮิโนกิได้รับแรงบันดาลใจมาจากปราสาทคินคาคุจิหรือปราสาททองในเมืองเกียวโต โดยปราสาทฮิโนกิที่จำลองมาแห่งนี้มีขนาดใหญ่กว่าปราสาทของจริงถึง 3 เท่า แต่ละชั้นมีระเบียงที่สามารถมองเห็นทัศนียภาพที่สวยงามของภูเขาที่โอบล้อมอำเภอไชยปราการ ชั้น 3 ประดิษฐานองค์เจ้าแม่กวนอิมแกะสลักจากไม้ท่อนฮิโนกิท่อนเดียวโดยเป็นการแกะสลักด้วยมือทั้งองค์ ส่วนด้านบนสุดประดิษฐานพระพุทธชินราชเพื่อให้นักท่องเที่ยวได้กราบไหว้สักการะ

ด้านข้างของปราสาทเป็นบ่อปลาคาร์ปขนาด 8 ไร่ เป็นอีกจุดหนึ่งที่สร้างความตื่นตาตื่นใจให้แก่นักท่องเที่ยวได้ไม่น้อยเช่นกัน ไม่ไกลกันเป็นอาคารแสดงสินค้าที่จัดแสดงและจำหน่ายผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพที่ต่อยอดจากการสกัดน้ำมันหอมในเนื้อไม้สนฮิโนกิ โดยชาวบ้านจากอำเภอไชยปราการ ฝาง พร้าว และแม่อายกว่า 1,200 ครอบครัวให้นักท่องเที่ยวได้เลือกซื้อเป็นของฝาก ส่วนอาคารเจแปนทาวน์จะเป็นส่วนจำหน่ายสินค้าที่นำเข้าจากประเทศญี่ปุ่นเท่านั้น นอกจากนี้ยังมีภัตตาคารอาหารญี่ปุ่นสูตรต้นตำรับ และศูนย์อาหารฮิโนกิฟู้ดเซ็นเตอร์ที่นักท่องเที่ยวสามารถไปนั่งรับประทานอาหารอร่อยๆ ได้

ไม่เพียงแต่ดื่มด่ำไปกับสถาปัตยกรรมที่สวยงามจากยุคเอโดะของญี่ปุ่นที่ยกมาไว้ที่เชียงใหม่ เพราะที่ฮิโนกิแลนด์ยังมีบริการชุดกิโมโนมากถึง 5,000 ชุดสำหรับให้นักท่องเที่ยวที่มา ได้เช่าใส่ถ่ายรูปอย่างสวยงามและกลมกลืนไปกับบรรยากาศราวกับอยู่ญี่ปุ่นแท้ๆ

ฮิโนกิแลนด์ ไม้หอมฮิโนกิเป็นพันธุ์ไม้แบบไหน

ฮิโนกิ เป็นสนไซเปรสพันธุ์ญี่ปุ่น (Japanese Cypress) มีคุณสมบัติเนื้อแน่น ทนแดดฝน จึงเป็นที่นิยมนำมาใช้เป็นเฟอร์นิเจอร์และโครงสร้างบ้าน แต่เดิม โชกุนในสมัยเอโดะก็เลือกใช้ไม้ชนิดนี้มาสร้างปราสาท ภายในเนื้อไม้ยังมีน้ำมันหอม สามารถนำมาสกัดเป็นน้ำมันหอมระเหยที่ให้ประโยชน์ต่อสุขภาพ เช่น คุณสมบัติการต้านอนุมูลอิสระ (antioxidant) ฤทธิ์ยับยั้งเชื้อแบคทีเรียและเชื้อรา ไอระเหยจากน้ำมันฮิโนกิยังสามารถช่วยเรื่องการลดอาการคัดจมูก ให้ผลดีต่อระบบทางเดินหายใจ

อนิรุทธ์ จึงสุดประเสริฐ สร้างบ้านไม้หอมฮิโนกิไชยปราการ ซึ่งเป็นบ้านหลังแรกของประเทศไทยที่ทำจากไม้สนชนิดนี้ เมื่อปี พ.ศ. 2550 ก่อนจะเปิดบริษัท ฮิโนกิไชยปราการ จำกัด ชักชวนชาวบ้านในอำเภอไชยปราการ และละแวกใกล้เคียงร่วมกันผลิตสินค้า ที่ต่อยอดมาจากน้ำมันหอมที่สกัดจากไม้สนฮิโนกิ โดยผ่านการค้นคว้าวิจัยจากห้องแล็บวิทยาศาสตร์ และได้รับการรับรองมาตรฐานจากสำนักงานคณะกรรมการอาหาร และยาในทุกผลิตภัณฑ์

ผู้ก่อตั้งที่ทำให้ฮิโนกิแลนด์เกิดเป็นรูปธรรมขึ้นมา

ฮิโนกิแลนด์คือธีมพาร์ก (theme park) ที่เป็นรูปธรรมในภาพฝันของ อนิรุทธ์ จึงสุดประเสริฐ ผู้ก่อตั้งบ้านไม้หอมฮิโนกิไชยปราการ และเป็นผู้นำเข้าไม้สนฮิโนกิในประเทศไทย อย่างเป็นทางการรายแรก ๆ ของประเทศไทย ซึ่งหลังจากบ้านไม้หอมฮิโนกิ และธุรกิจจำหน่ายผลิตภัณฑ์ ที่ต่อยอดจากไม้สนฮิโนกิที่เขา ริเริ่มร่วมกับชาวบ้านในพื้นที่ประสบผลสำเร็จ โปรเจ็กต์ถัดมาก็คือการพัฒนาพื้นที่ 83 ไร่ ริมถนนสายเชียงดาว-ฝาง ให้เป็นอาณาจักรที่รวบรวมมรดก ทางศิลปวัฒนธรรมและสถาปัตยกรรมของญี่ปุ่น โดยหวังให้ที่นี่เป็นแลนด์มาร์กแห่งใหม่ ที่ใครมาเชียงใหม่ ก็ต้องไม่พลาดมาเช็คอิน

“ผมเคยทำงานอยู่ญี่ปุ่นถึงยี่สิบปี นอกจากได้รู้จักไม้สนฮิโนกิ วัสดุธรรมชาติที่ผูกพันกับ ชีวิตคนญี่ปุ่นมาแต่โบราณ ก็ยังมีโอกาสซาบซึ้งกับศิลปวัฒนธรรม อันเป็นเอกลักษณ์ของที่นั่น พอกลับมาทำบ้านไม้หอมฮิโนกิไชยปราการ ก็เลยคิดต่อว่า น่าจะทำสถานที่ให้คนไทย ได้มีโอกาสสัมผัสบรรยากาศ แบบที่ผมประทับใจบ้าง โดยไม่ต้องเดินทางไกลไปถึงญี่ปุ่น จึงริเริ่มโครงการนี้ขึ้นมา” อนิรุทธิ์กล่าว

ภายในยังมีกลุ่มชาวบ้าน มาสาธิตการทำที่นอน เผยเคล็ดลับว่าทำไมผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพของแบรนด์นี้ จึงน่าทิ้งตัวลงนอนกว่าที่นอนแบรนด์อื่น ทั้งยังมีคาเฟ่ให้บริการเครื่องดื่ม และขนมให้ได้แฮงก์เอาท์ ภายในโถงอาคารย้อนยุค

นอกจากนี้ยังมีอาคารเจแปนทาวน์ จำหน่ายสินค้าที่นำเข้าจากประเทศญี่ปุ่นเท่านั้น พ่วงด้วยภัตตาคารอาหารญี่ปุ่นสูตรต้นตำรับ เสิร์ฟโดยพ่อครัวที่อิมพอร์ต มาจากแดนอาทิตย์อุทัย ส่วนอาคารอีกแห่งซึ่งอยู่ติดกับลานจอดรถคือ อาคารฟู้ดคอร์ตที่ต้อนรับนักเดินทาง (ทั้งอาคารเจแปนทาวน์และอาคารฟู้ดคอร์ท มีกำหนดเปิดให้บริการเดือนธันวาคม 2018)

“ผมไม่ได้คิดว่าจะสร้างฮิโนกิแลนด์ เพื่อให้คนมาถ่ายรูปและซึมซับบรรยากาศอย่างเดียว แต่มองว่านี่คือสถานที่ที่เรานำความเชื่อ และความศักดิ์สิทธิ์แบบญี่ปุ่นมาให้คนไทยได้สัมผัสและสักการะ ซึ่งไม่ใช่เพียงการจำลองศาลเจ้า แต่บ่อน้ำด้านข้างปราสาทของเรายังเป็นบ่อน้ำ ที่รับน้ำจากสระมรกตในหุบเขาไชยปราการ เราต่อท่อน้ำมาโดยตรง โดยไม่ผ่านกลไกลของเครื่องจักรไฟฟ้า ตามความเชื่อของญี่ปุ่น นี่คือบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งเสริมไปกับองค์เจ้าแม่กวนอิม ที่แกะสลักจากไม้หอมฮิโนกิภายในปราสาท” อนิรุทธ์ กล่าวก่อนจะเสริมว่า มาทีเดียวได้ทั้งรูปสวย ๆ กลับไป ยังได้ความเป็นสิริมงคลกลับบ้าน ขณะที่ร้านค้า ร้านอาหาร และคาเฟ่ ก็ทำให้ที่นี่เป็นแหล่งพักผ่อนแนวไลฟ์สไตล์ไปในตัวด้วยเช่นกัน

“ผมตั้งใจจะสร้างฮิโนกิแลนด์ ให้เป็นสมบัติของคนเชียงใหม่ เป็นที่ที่เปิดให้ทุกคนได้สัมผัสบรรยากาศ และสุนทรียะอันงดงามแบบญี่ปุ่น และเป็น แลนด์มาร์คแห่งใหม่ ที่หากใครมาเชียงใหม่ จะต้องไม่พลาดมาเยี่ยมชม

“ส่วนคำถามว่าทำไมจึงเลือก สร้างห่างจากตัวเมืองเชียงใหม่ขนาดนี้ เพราะผมคิดแบบเดียวกับคำกล่าวที่ว่า สุราดีอย่ากลัวซอยเปลี่ยว จึงไม่ได้กังวลเรื่องทำเลนัก และที่สำคัญการมาเปิดโครงการนี้ที่อำเภอไชยปราการ ก็เพื่อเป็นการสร้างงานสร้างรายได้ให้กับผู้คนที่นี่ ที่เป็นทั้งเพื่อน พี่น้อง และลูกหลานของกว่า 1,200 ครอบครัวที่ช่วยผมก่อตั้งบริษัทจนประสบความสำเร็จมาแล้ว

“ฮิโนกิแลนด์จึงเป็นทั้งแหล่งท่องเที่ยว และเป็นการคืนกำไรให้กับชุมชน ผ่านการสร้างงาน สร้างอาชีพ และช่วยสร้างสีสันทางธุรกิจ ย้อนกลับไปให้ผู้คนในอำเภอไชยปราการด้วย เป็นผลกำไรที่ได้ทั้งผมเอง และชุมชน เป็นกำไรที่น่าภูมิใจ” เจ้าของโครงการที่มีมูลค่ารวมทั้งสิ้นกว่า 1,248 ล้านบาทแห่งนี้กล่าวทิ้งท้าย

 

อ่านต่อ>>>กางเต้นท์ปางอุ๋ง

เกม ดัมมี่ ได้เงินจริง