ภูทับเบิก “ โอบกอดทะเลหมอก แล้วบอกรักเขา
ภูทับเบิก สายหมอก ต้นไม้ ลำธาร ดอกไม้ ใบหญ้า และ สายลม แล้วแต่เป็นธรรมชาติอันสมบูรณ์ที่ ทุกคนต้องการจะเดินทางไปสัมผัส เพราะทุกชีวิตใฝ่หาสิ่งที่เรียกว่า “ธรรมชาติ” เพื่อเพิ่มเติมความสมดุล อันสุดสดชื่นให้กับชีวิต และคงมีความสุขไม่น้อยถ้าทะเลหมอกลอยมากระทบหน้าต่างยามเช้า คงเพลินดีไม่เบาถ้า สองตาได้ดื่มด่ำดอกไม้บานกลางภูสูง ที่นี่ล่ะ… ภูทับเบิก เส้นทางแห่งความสดชื่น หากใครตกหลุมรัก ต้องมนต์เสน่ห์ความงามของขุนเขา ธรรมชาติ อันสมบูรณ์และเขียวขจี เส้นทางแห่ง ความสดชื่น เส้นทางของภูดอกไม้ ดินแดนที่เต็มไปด้วยความโรแมนติก ชวนหลงใหล และเป็นสถานที่ ที่สามารถเดินทางไปท่องเที่ยวได้ทุกฤดูกาล เขาว่ากันว่าต้องไม่พลาดที่แห่งนี้!
อยู่ในตำบลวังบาล อำเภอหล่มเก่า จังหวัดเพชรบูรณ์ เป็นอีกหนึ่งเมืองต้องห้ามพลาด สามารถขึ้นได้หลายทาง แต่ที่นิยมกัน ใช้เส้นทางด้านอำเภอนครไทย จังหวัดพิษณุโลก ผ่านอุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้ามาประมาณ 24 กิโลเมตร จะถึงภูทับเบิก หากขับรถต่อไปจะมาบรรจบกับเส้นทางที่จะลงไปยังอำเภอหล่มเก่า จังหวัดเพชรบูรณ์ โดยถนนเส้นนี้สวยงามมาก หากสังเกตดี ๆ ถนนนี้จะเป็นรูปหัวใจ มีนักท่องเที่ยวให้ความสนใจลงไปถ่ายภาพกันอย่างล้นหลาม อย่างไรก็ตามถ้ามาในช่วงวันหยุดรถอาจจะหนาแน่นไม่สะดวกกับการถ่ายภาพ
ตั้งแต่ทางขึ้นไม่ว่าจะขึ้นจากจังหวัดใดมาจนถึงยอดภูทับเบิก สิ่งที่ต้องประทับใจคือ ทัศนียภาพระหว่างสองข้างทางเต็มไปด้วยภูเขาล้อมรอบ เส้นทางค่อนข้างลดเลี้ยว ตามแนวเขา ต้องขับรถอย่างระมัดระวัง หากไม่ชำนาญเส้นทางยิ่งต้องรอบคอบสักนิด หากใครได้เดินทางมาแล้ว ต้องหลงรักอย่างแน่นอน ได้สัมผัสอากาศดี ๆ สดชื่นละมุนละไม ที่มีลักษณะภูมิประเทศเป็นเทือกเขาน้อยใหญ่ทอดยาวสลับซับซ้อน อีกทั้งยังมีจุดชมวิวข้างทางให้ถ่ายรูปกันอย่างเพลิดเพลิน พร้อมลมพัดเบา ๆ สำหรับจุดที่น่าท่องเที่ยวบนภูทับเบิกมีดังนี้
จุดเช็คอินที่นี่มีอะไรบ้าง
ที่สำคัญต้องมาตรงจุดเช็กอินป้ายภูทับเบิก เพื่อแสดงให้เห็นว่ามาถึง ณ จุดสูงสุดของจังหวัดเพชรบูรณ์แล้ว ด้วยความสูงตามที่ป้ายบอกคือ 1, 768 เมตร เมื่อมาถึงบอกได้เลยว่าความสวยงามเกินบรรยาย จุดเด่นที่สุดของภูทับเบิกคือการชมวิวได้รอบ 360 องศา มีอากาศหนาวเย็นตลอดทั้งปี เนื่องจากเป็นยอดเขา
เดินถ่ายภาพเพลิน ๆ ทุ่งกะหล่ำปลียักษ์
แปลงปลูกกะหล่ำปลีมีให้เห็นอยู่ทั่วทั้งหุบเขา หรือที่เรียกว่า “ทุ่งกะหล่ำยักษ์” เพราะดอกใหญ่มากและช่วงที่สามารถเห็นทุ่งกะหล่ำยักษ์เต็มภูเขาต้องมาในช่วงเดือนกรกฎาคมและพฤศจิกายน ของทุกปี บางแห่งมีค่าเข้าชมประมาณ 10 บาท ถึง 20 บาท แต่บางแห่งให้เข้าชมฟรี นักท่องเที่ยวสามารถเข้ามาถ่ายภาพ อวดรูปสวย ๆ ลงโซเชี่ยลจนใคร ๆ ต้องอิจฉา ด้วยความสวยงามของแปลงผักที่ดูเป็นระเบียบเรียบร้อย เว้นช่องว่างระหว่างแปลงได้อย่างงดงาม หากใครที่มาบนภูทับเบิกแล้วไม่ได้มาถ่ายภาพกับกะหล่ำยักษ์นี้ ถือว่ามาไม่ถึง
เยี่ยมชมหมู่บ้านชาวไทยภูเขาเผ่าม้ง
ยังเป็นที่ตั้งของหมู่บ้านชาวไทยภูเขาเผ่าม้ง ซึ่งอยู่ด้านในถัดจากจุดชมวิว ที่นี่เป็นแหล่งศึกษาวัฒนธรรมที่น่าสนใจ ซึ่งยังคงรักษาวิถีชีวิตตามแบบฉบับม้งดั้งเดิมไว้ และมีอาชีพเกษตรกรรมปลูกกะหล่ำปลีเป็นหลัก จนทำให้ชื่อเสียงของภูทับเบิกโด่งดัง ด้วยทัศนียภาพที่ไม่มีต้นไม้ใหญ่มาบดบัง ได้เห็นวิวภูเขาอันกว้างขวางแบบเต็ม ๆ และวิถีชีวิตของคนที่นี่เป็นแบบเรียบง่าย เอื้อเฟื้อซึ่งกันและกัน ตัดเย็บเสื้อผ้าใส่กันเอง หากใครได้มาพูดคุยด้วยแล้วเขาจะดีใจมากและตื่นเต้นทุกครั้งเมื่อมีนักท่องเที่ยวมาเยี่ยมเยือน
ถัดมาจะมีสถานีวิจัยเพชรบูรณ์ เป็นแปลงทดลองของมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ซึ่งเป็นสถานีสาธิตปลูกพืชเกษตรเมืองหนาวอีกด้วย ให้ความรู้กับเกษตรกรได้นำมาใช้ให้เป็นประโยชน์
วัดป่าภูทับเบิก
วัดป่าภูทับเบิก คือสำนักปฏิบัติธรรมสายธรรมยุตินิกาย ชาวบ้านทับเบิกร่วมก่อสร้างเมื่อปี พ.ศ. 2534 มีเนื้อที่ประมาณ 50 ไร่ บริเวณวัดจะแวดล้อมไปด้วยป่าไม้ต่าง ๆ จึงทำให้ที่นี่มีบรรยากาศความหนาวเย็นตลอดทั้งปี และเป็นสถานที่สำคัญกับในหลวงรัชกาลที่ 9 โดยเป็นสถานที่รับน้ำฟ้ากลางหาวเพื่อนำขึ้นทูลเกล้าถวาย ทำน้ำพุทธมนต์ในพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนม์พรรษาครบ 6 รอบ เมื่อปี พ.ศ. 2542
จุดเด่นของวัดนี้คือ องค์พระมหาเจดีย์โพธิปักขิยธรรมเพชร 37 ยอด ตั้งเด่นเป็นเป็นสง่าเห็นมาแต่ไกล เพราะ มีฐานขนาดใหญ่เเละสูงมาก ๆ ส่วนบรรยากาศภายในวัดดูเงียบสงบเเละร่มรื่นมาก เหมาะสำหรับผู้ที่มาปฏิบัติธรรม อีกทั้งในบริเวณวัด มีรุปปั้นองค์เทวดาเเละองค์พญานาคเหลืองทองอร่าม และสีเงินอยู่คู่กัน รวมไปถึง รูปปั้นองค์เทพต่าง ๆ ที่กำลังสร้างอยู่และคาดว่าจะมีการสร้างไปอีกหลายองค์ ทำให้วัดนี้ดุจดั่งสรวงสวรรค์ก็ว่าได้ และอากาศปลอดโปร่งเย็นสบายตลอดเวลา ที่นี่นอกจากนักท่องเที่ยวจะได้มาไหว้พระแล้ว ยังมีมุมถ่ายภาพสวย ๆ ที่สามารถมองเห็นอำเภอหล่มสัก และอำเภอหล่มเก่าได้จากมุมสูงของวัดนี้อีกด้วย
ภูทับเบิก ลานกางเต็นท์สำหรับพักแรม
หากใครประสงค์จะพักแรม ที่นี่มีลานกางเต็นท์จำนวนมาก หรือติดต่อที่วิสาหกิจชุมชนขอคำแนะนำ สำหรับจุดกางเต็นท์ เพื่อสัมผัสอากาศหนาวเย็นภายใต้แสงดาวพราวอยู่บนฟ้า เพราะในช่วงเวลากลางคืนมีความสวยงามไม่น้อยสามารถมองเห็นแสงไฟระยิบระยิบที่อยู่เบื้องล่าง คือ อำเภอหล่มสัก และตื่นขึ้นมาพร้อมกับทะเลหมอกที่ทอดยาวสุดลูกหูลูกตา หากวันไหนดินฟ้าอากาศเป็นใจ ทะเลหมอกที่นี่จะดู งดงามปานประหนึ่งสวรรค์น้อย ๆ ที่จะมาช่วยชาร์จ แบตชีวิตให้มีพลังเต็มเปี่ยม ส่วนช่วงสาย ๆ สัมผัสไอแดดอ่อน ๆ พร้อมจิบชา กาแฟอุ่น ๆ สักแก้ว หรือหากไม่ถนัดนอนเต็นท์จะจับจองที่พักในบริเวณใกล้ ๆ นี้ ได้ มีให้เลือกหลายแบบ หลายราคา ขึ้นอยู่กับสิ่งอำนวยความสะดวกในที่พัก แต่ส่วนมากแล้วจะนิยมมากางเต็นท์กันเพื่อสัมผัสถึงอากาศหนาวเย็นจับใจเพราะมีอุณหภูมิเฉลี่ยต่ำกว่า 10 องศา เซลเซียส บางวันลดต่ำลงถึง 0 องศาเซลเซียส แต่ไม่ว่าจะมาช่วงฤดูใดก็ตามจะมีทะเลหมอกโลดแล่นมาอวดนักท่องเที่ยวอย่างแน่นอน ที่สำคัญได้เสื้อกันหนาวกันทุกฤดูอีกเช่นกัน
ส่วนทางด้านอาหารการกินไม่ต้องห่วงเพราะที่นี่ มีร้านอาหารของภูทับเบิก โดยเฉพาะร้านหมูกระทะไว้คอยบริการนักท่องเที่ยวอยู่หลายร้าน หรือตามที่พักสามารถสั่งอาหารได้เช่นกัน หากต้องการอาหารเพิ่มเติม แนะนำว่าให้แวะซื้อที่ตลาดหล่มเก่าหรือร้านสะดวกซื้อบริเวณด้านล่างก่อนไปเที่ยวบนภูทับเบิก เพราะสะดวกกว่า แต่ที่สังเกตได้คือนักท่องเที่ยวจะเตรียมมาจากที่บ้านเลย เพื่อนำมาประกอบอาหารเล็ก ๆ น้อย ๆ เช่น เมนูไข่กระทะ
ชมวิว นั่งจิบกาแฟ ร้านกาแฟ ณ จุดหัวโค้ง
หากนักท่องเที่ยวที่หลงใหลในรสชาติของกาแฟขอแนะนำร้านกาแฟ 111โค้ง @ภูทับเบิกคอฟฟี่ อยู่ตรงโค้งพอดี ทางด้านหลังของปรอทวัดอุณหภูมิของยอดภูทับเบิก นั่งจิบกาแฟพร้อมชมวิวสวย ๆ ไปด้วย ช่างเป็นความสุขที่หาได้ไม่ยากบนยอดภูแห่งนี้
ด้วยอากาศเย็นสบายตลอดปี แม้กระทั่งช่วงฤดูร้อนก็ตาม ส่วนช่วงฤดูฝนจะมองไปทางไหนมีแต่ความเขียวขจี ยิ่งในยามเช้าจะต้องตะลึงกับขบวนทะเลหมอก ที่ผ่านเข้ามาให้เชยชม หรือถ้าหากมาในช่วงฤดูหนาวจะได้บรรยากาศแบบหนาวสุดขั้วและจะมีดอกนางพญาเสือโคร่งบานเต็มภูทับเบิกให้ไปถ่ายรูปกันอย่างสวยงาม สรุปแล้วมาท่องเที่ยวได้ทุกฤดูกาล ความงดงามแตกต่างกันเพียงฤดูเท่านั้น จนบางครั้งนึกหลงเสน่ห์ อยากจะเก็บสัมภาระ หลีกหนีความวุ่นวายในเมืองหลวงมา ใช้ชีวิตในเมืองเล็ก ๆ บนเขาที่เงียบสงบ พักผ่อนให้คลายความเหน็ดเหนื่อย พร้อมสร้างความประทับใจ และความทรงจำที่ดีในทุก ๆ วัน ณ ภูทับเบิก ที่พร้อมมอบแต่ความสุข
แวะร้านขายของฝากระหว่างทาง
ช่วงขาลงจากภูทับเบิกจะมีร้านขายของฝากมากมายเรียงรายตามเส้นทางเป็นระยะ ๆ ให้เลือกซื้อของพื้นเมืองจากชาวไทยภูเขา หากใครที่ชื่นชอบผลไม้สด ๆ หรือผักจากชาวดอยสด ๆผลไม้ตามฤดูกาล เช่น ลูกพีช บัวหิมะ และไวน์รสชาติต่าง ๆ มีให้นักท่องเที่ยวได้แวะอุดหนุน ซื้อเป็นของฝากติดไม้ติดมือกลับไป ผักบางชนิดมีเฉพาะบนดอย ส่วนบางชนิดเราไม่เคยรู้จักมาก่อนก็มี
การเดินทาง
เมื่อถึงตัวเมืองเพชรบูรณ์ให้มุ่งหน้าสู่จังหวัดพิษณุโลกไปตามถนนหมายเลข 12 ไปจังหวัดพิษณุโลกสังเกตป้ายบอกทางไปภูทับเบิกและอุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า ให้เลี้ยวขวาเข้าถนนหมายเลข 2372 เพื่อไปภูทับเบิก
หากถึงสามแยกเป็นหลักกิโลเมตรที่ 4-5 ถนนหมายเลข 2372 ให้เลี้ยวซ้าย มุ่งหน้าสู่ทางหลวงหมายเลข 2331 เพื่อไปยังภูทับเบิก และอุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า ตรงนี้จะเป็นทางขึ้นเขามีหลายโค้ง จนมาเจอสามแยก จะมีป้ายบอกทางให้เลี้ยวขวาไปภูทับเบิก ขับตรงไปเรื่อย ๆ จนถึงวิสาหกิจชุมชนท่องเที่ยวภูทับเบิก เมื่อสังเกตเห็นอาคารหอดูดาวและที่วัดอุณหภูมิ นั่นคือภูทับเบิก
สำหรับการเดินทางมาท่องเที่ยวภูทับเบิก ควรศึกษาแหล่งท่องเที่ยวและเส้นทางที่แม่นยำ เพื่อคุ้มค่ากับการเดินทางไกล สามารถเดินทางได้โดยทางรถยนต์ส่วนตัวเท่านั้น ซึ่งสามารถขึ้นเขาได้ทั้งรถเก๋ง และรถกระบะ รถตู้ ต้องตรวจเช็กความพร้อมของเครื่องยนต์ให้ดีก่อน และมีควรมีกำลังมากกว่า 1500 ซีซี. และผู้ขับขี่ควรมีประสบการณ์ในการขับรถขึ้นเขามาบ้างแล้ว ที่สำคัญต้องตระหนักถึงการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม เพื่อที่ธรรมชาติอันสวยงามจะอยู่คู่ผืนแผ่นไทยไปตราบนานเท่านาน